Skip to main content

PMS  คือ  เทคนิคในการรักษาปัญหากล้ามเนื้อ  เส้นประสาท  และกระดูก มีชื่อเต็มว่า  Peripheral Magnetic Stimulation โดยเป็นการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่รวมพลังงานเป็นจุดเล็ก ๆ จุดเดียว ส่งลงลึกผ่านชั้นผิวหนังไปถึง 10 cm เพื่อกระตุ้นเส้นประสาท เพื่อให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างเป็นจังหวะเฉพาะ จนเกิดเป็นการคลายตัวของจุดหดเกร็งในกล้ามเนื้อ (Trigger Point) ร่วมกับการฟื้นฟูกล้ามเนื้อและเส้นประสาท ไปจนถึงการกระตุ้นให้เกิดการหลั่งสารลดปวดออกมา จึงช่วยในการรักษาทางกายภาพบำบัด ทั้งอาการปวดกล้ามเนื้อเฉียบพลัน และเรื้อรัง ข้อติด ชา บาดเจ็บเส้นประสาท ไปจนถึงการกระตุ้นการซ่อมแซมกระดูกที่หัก แต่จะไม่รวมถึงการฟื้นฟูการบาดเจ็บของเส้นเอ็น

 

เครื่องมือทางกายภาพบำบัด เป็นเทคโนโลยีในการลดปวด โดยการใช้การส่งผ่านพลังงานทางฟิสิกส์ไปยังตำแหน่งที่เจ็บปวด เช่นกล้ามเนื้ออักเสบ  ไม่ว่าจะเป็นพลังงานความร้อน ความเย็น แรงกด พลังงานน้ำ คลื่นเสียง ซึ่งมีเครื่องมือหลายชนิดที่นิยมใช้กันมายาวนาน เช่น TENS (พลังงานไฟฟ้า) , ultrasound (คลื่นอัลตร้าซาวด์) , shockwave (คลื่นเสียง) รวมไปถึงเครื่องมือชนิดใหม่ล่าสุด ที่พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า Peripheral Magnetic Stimulation ซึ่งเป็นเครื่องที่ H8 clinic เลือกใช้เป็นอุปกรณ์หลักนั่นเองค่ะ PMS เป็นเครื่องที่ใช้เทคโนโลยีการรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มารักษาโรคที่เกี่ยวกับเส้นประสาทและกล้ามเนื้อเป็นหลัก ทั้งอาการปวด ชา เกร็ง กล้ามเนื้ออักเสบ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง

ซึ่งการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทางการแพทย์ไม่ใช่เรื่องใหม่ค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ ก็มีเครื่องมือแพทย์ที่เรารู้จักกันดีที่ใช้คลื่นแม่เหล็กเป็นหลัก เช่น การตรวจสมองด้วยคลื่น MRI หรือเครื่อง TMS ที่ใช้คลื่นแม่เหล็กยิงไปรักษาเซลล์สมอง กระตุ้นเซลล์สมองค่ะ

เครื่อง PMS ทำงานโดยส่งพลังงานแม่เหล็กไปกระตุ้นเส้นประสาท 2 ชนิด คือ เส้นประสาทรับความรู้สึกและเส้นประสาทสั่งการกล้ามเนื้อ ทำให้การหลั่งสารกระตุ้นความปวดลดลง และยับยั้งการส่งสัญญาณทำให้คนไข้รู้สึกลดปวดได้ทันทีหลังการรักษา และยังช่วยลดปวดในระยะยาวได้อีกด้วย

ในด้านกล้ามเนื้อ เครื่อง PMS จะส่งพลังงานไปกระตุ้นเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ ให้เกิดการหดและคลายตัวซ้ำ ๆ จนกล้ามเนื้อบริเวณที่เป็นปม คลายตัวออกไป คนไข้ที่ H8 clinic มักจะอธิบายความรู้สึกขณะทำการยิง ว่าเหมือนโดนกดจุดที่ปวดอย่างชัดเจน และรู้สึกถึงผลลัพธ์ได้ทันที ตั้งแต่รักษาครั้งแรกเลยค่ะ

นอกจากนี้ เครื่อง PMS ยังช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ ช่วยกระตุ้นให้เลือดมาเลี้ยงบริเวณที่มีอาการปวด เกร็ง เกิดการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ได้ดียิ่งขึ้น เป็นการรักษาที่ช่วยตั้งแต่ลดปวด แก้ปัญหากล้ามเนื้อ และยังสร้างความแข็งแรง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาวด้วยค่ะ

ด้วยความสามารถในการกระตุ้นได้หลายระบบทั้ง กล้ามเนื้อ เส้นประสาท และสารสื่อประสาท จึงทำให้ PMS มีคุณสมบัติที่โดดเด่น ดังนี้

1. ช่วยคลายจุดปมกล้ามเนื้อ (Trigger Point) 
กระตุ้นกล้ามเนื้อบริเวณที่มีปัญหาให้เกิดการหดและคลายตัวซ้ำ  ๆ จนบริเวณที่เป็นปมคลายออก สามารถยิงได้อย่างตรงจุด แม่นยำ เหมือนการฝังเข็ม
2. เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ 
ถ้าทำอย่างต่อเนื่อง จะเพิ่มมวลกล้ามเนื้อได้ถึง 16% ใน 4 สัปดาห์ ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ส่งผลดีในระยะยาว
3. ซ่อมแซมเส้นประสาท 
ช่วยลดอาการปวด อาการชา และทำให้เส้นประสาทที่อักเสบ กลับมาทำงานเป็นปกติมากขึ้น
4. กระตุ้นการหลั่งสารระงับปวด 
เกิดการกระตุ้นเส้นประสาทให้หลั่งสารระงับปวด ซึ่งมีผลคล้ายมอร์ฟีน ช่วยลดอาการปวดได้ทันที
5. เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ 
ลดอาการปวด เกร็งกล้ามเนื้อ และอาการปวดศีรษะแบบ Tension ได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ จากการที่กล้ามเนื้อคลายตัว การไหลเวียนโลหิตที่ดีขึ้น รวมถึงการกระตุ้นเส้นประสาท
6. ลงลึกได้ถึง 10 cm ไม่เจ็บ 
สามารถลงลึกได้ดึงจุดปวด โดยไม่เจ็บ ไม่ระบมผิวหนังรอบ ๆ สามารถลงลึกถึงตำแหน่งที่ไม่สามารถกดนวดได้ เช่นบริเวณสะโพก หรือหลังที่อยู่ลึก

PMS เป็นเครื่องมือที่ใช้ควบคู่ไปกับการทำกายภาพบำบัดอื่นๆ และเนื่องจากคุณสมบัติเฉพาะจึงทำให้สามารถรักษาโรคได้ทั้งกลุ่ม กล้ามเนื้อ เส้นประสาท เส้นเอ็น กระดูก ไปจนถึงอาการไมเกรน หากท่านใดที่มีโรคต่อไปนี้ ก็สามารถเลือกใช้การรักษาด้วย PMS ได้ค่ะ

1. ปวดกล้ามเนื้อ 
2. ปวดศีรษะ ปวดต้นคอ บ่า ไหล่ 
3. ปวดสะบัก 
4. ไหล่ติด ยกแขนไม่สุด
5. ปวดหลัง เอว สะโพก 
6. หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท
7. ปวดไมเกรน
8. เส้นเอ็นอักเสบ 
9. ชา ปลายประสาทอักเสบ แสบร้อนผิวหนังจากปลายประสาท
10. กล้ามเนื้ออ่อนแรง อัมพฤกษ์ อัมพาต
11. บาดเจ็บเส้นประสาทจากอุบัติเหตุ

ทางเฮชเอทคลินิก จึงขอแนะนำวิธีการรักษาด้วย PMS สำหรับท่านที่มีโรคดังที่กล่าวมา และมีประสบการณ์ดังนี้ค่ะ 

1. ท่านที่เคยทำการรักษากายภาพบำบัดด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ดีขึ้น 
2. ต้องการทำกายภาพแบบเจ็บน้อย ไม่ทรมาน หรือทำเพื่อผ่อนคลาย 
3. ต้องการการรักษาในแบบผ่อนคลาย ที่ได้ผลมากกว่าวิธีการนวดธรรมดา
4. มีอาการปวดเป็นแบบเรื้อรัง ต้องทำการรักษาซ้ำ ๆ (PMS สามารถทำซ้ำได้เท่าที่ต้องการโดยไม่มีอันตราย)
5. ต้องการหาวิธีรักษา ทดแทนการรับประทานยา
6. ใช้เป็นการรักษา ควบคู่กับการรักษาด้วยการใช้ยา

ทำ PMS เห็นผลเร็วแค่ไหน

ในแง่ของการลดอาการปวด การทำ PMS ที่ H8 clinic ร่วมกับเครื่องมือกายภาพอื่น ๆ จะเห็นผลทันทีตั้งแต่ครั้งแรก หลังทำจะรู้สึกถึงกล้ามเนื้อที่คลายตัว และจากการเพิ่มการไหลเวียนโลหิต และระงับการหลั่งสารสื่อประสาทความเจ็บปวด ก็จะทำให้อาการปวดลดลงทันที ผ่อนคลาย สามารถขยับกล้ามเนื้อได้มากขึ้น 
#ต้องทำบ่อยแค่ไหน
แนะนำรักษาต่อเนื่องสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยระยะเวลาจะขึ้นกับโรคที่เป็น ถ้าเป็นโรคในระยะเฉียบพลัน จะใช้เวลารักษาประมาณ 2-4 สัปดาห์ แต่ถ้าเป็นอาการปวด หรือโรคเรื้อรัง ก็ต้องใช้เวลานานมากขึ้นค่ะ เช่น อาการชาจากเส้นประสาทอักเสบ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท อัมพฤกษ์ อัมพาต ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-3 เดือน จึงจะเห็นผลชัดเจนขึ้น ซึ่งหากทำควบคู่ไปกับการรักษาอื่นๆและการออกกำลังกาย ก็จะทำให้ได้ผลดีและเร็วยิ่งค่ะ


รับคลื่นแม่เหล็กมาก ๆ มีผลเสียไหม

คลื่นแม่เหล็กจากตัวเครื่อง PMS จะคล้าย ๆ กับเครื่อง MRI ซึ่งเป็นคลืนแม่เหล็กที่ปลอดภัย ไม่มีอันตรายต่อเนื้อเยื่อ สามารถทำได้เรื่อย ๆ โดยไม่เกิดการสะสมของคลื่นในร่างกาย และไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บ

ใครที่ PMS ไม่ได้บ้าง

คนที่มีเครื่องแม่เหล็กอยู่ในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ  
หญิงตั้งครรภ์ 

ระยะเวลาในการรักษาแต่ละครั้ง

การรักษาด้วยเครื่อง PMS จะใช้เวลาครั้งละ 30 นาทีต่อ 1 จุด ระยะเวลาโดยเฉลี่ยของแต่ละท่านจะแตกต่างกันไป ส่วนมากจะใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงค่ะ

เนื่องจากเครื่องมือกายภาพแต่ละชนิด จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปตามแหล่งพลังงาน ผลต่อเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย และตำแหน่งที่ต้องการรักษาจึงแตกต่างกัน ที่เฮชเอทคลินิก เราต้องการให้คนไข้ได้รับการรักษาที่ดีที่สุด จึงมีการใช้เครื่องมือที่หลากหลายในการรักษา ขึ้นกับอาการ และโรคที่เป็น โดยจะมีการใช้
เครื่องมือที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพสูง จึงเกิดเป็น PMS Combination Program โปรแกรมที่ใช้เครื่อง PMS ควบคู่ไปกับ 3 เทคโนโลยี ได้แก่ HPL (High Power Laser Therapy ) , USG (Ultrasound Therapy) และ Traction Therapy

High power laser  เป็นการใช้คลื่นแสงเลเซอร์พลังงานสูง ส่งผ่านไปยังเนื้อเยื่อที่มีการอักเสบ บาดเจ็บ ช่วยให้ซ่อมแซม ฟื้นฟู และลดปวด โดยเลเซอร์จะผ่านผิวหนัง ไปยังชั้นไขมัน กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ถึงบริเวณที่บาดเจ็บ นอกจากนี้ High Power Laser ยังสามารถรักษาโรคที่เกี่ยวกับเส้นประสาท เช่น มือเท้าชา โรคหลอดเลือดในสมอง, อาการบวมจากการบาดเจ็บ หรือหลังการผ่าตัด รวมถึงแผลจากโรคเรื่องรังต่างๆ เช่น เบาหวาน หรือแผลกดทับได้อีกด้วย

ข้อดีของ High Power Laser

1.ไม่เจ็บ เนื่องจากการรักษาด้วยเครื่องเลเซอร์กำลังสูง เป็นหัตถการการรักษาที่ไม่รุกล้ำเข้าสู่ร่างกาย 
2. เห็นผลทันทีหลังการรักษา ผู้ป่วยสามารถรู้สึกได้ถึงความแตกต่างของอาการอักเสบที่จะดีขึ้นทันทีอย่างน้อย 50%โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีอาการอักเสบชนิดเฉียบพลัน
3.รักษาต่อครั้งใช้เวลาไม่นาน ผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บเฉียบพลันใช้เวลารักษาประมาณ 3 – 5 ครั้ง ขณะที่ผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บเรื้อรังจะใช้เวลารักษา 10 – 15 ครั้งโดยประมาณ
4.เข้ารับการรักษาได้ทุกระยะ ทั้งกลุ่มเฉียบพลัน กึ่งเฉียบพลันไปจนถึงผู้ป่วยที่มีอาการอักเสบเรื้อรัง 

ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการรักษาควบคู่กับ PMS

1. เพิ่มการลดปวด โดยเฉพาะการบาดเจ็บที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือแบบเฉียบพลัน จะเห็นผลได้ชัดเจนมาก
2. ได้ผลดีกับการบาดเจ็บเส้นเอ็น  ข้อมืออักเสบ นิ้วล๊อก รองช้ำ นิ้วล๊อก  รวมถึงการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
3. ช่วยลดบวม ทั้งอาการบวมจากการบาดเจ็บ บวมหลังผ่าตัด
4. ช่วยเสริมฤทธิ์ ลดอาการปวด และชาเส้นประสาท

หลายท่านอาจจะรู้จักอัลตร้าซาวด์ ว่าเป็นคลื่นที่ใช้ในการตรวจร่างกาย ตรวจท้อง หรือตรวจดูทารกในครรภ์ แต่จริง ๆ แล้ว ในทางกายภาพบำบัด มีการนำคลื่นอัลตร้าซาวด์ มาใช้ในการรักษาอาการบาดเจ็บของ กล้ามเนื้อ เอ็น กระดูก เป็นระยะเวลานานแล้ว


การใช้คลื่น ultrasound ความถี่สูง จะทำให้เกิดความร้อน และการสั่นสะเทือน ลึกลงไปในเนื้อเยื่อได้ถึง 5 เซนติเมตร ส่งผลในการรักษาเนื้อเยื่อหลายอย่างได้แก่

1. ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซม ลดบวม เพิ่มการระบายของเสียผ่านเซลล์และหลอดเลือด 
2. เพิ่มการไหลเวียนเลือดเฉพาะที่ 
3. ลดปวด ลดความไวต่ออาการปวด
4. เพิ่มความยืดหยุ่น และลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น
5. กระตุ้นการทำงานของเซลล์  กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน

เมื่อใช้ร่วมกับการรักษาด้วย PMS จะช่วยเพิ่มความสามารถในการคลายกล้ามเนื้อ การลดบวม และ เพิ่มความสามารถในการซ่อมแซมเซลล์ ช่วยให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้น

การดึงหลัง หรือดึงคอ เป็นการใช้แรงดึง ในทิศทางแยกข้อต่อออกจากกัน เพื่อลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ และลดอาการปวดจากแรงกดที่กระดูกสันหลัง ทั้งบริเวณข้อต่อกระดูกคอ หรือหลัง


การดึงด้วย traction ที่เฮชเอทคลินิก จะใช้ควบคู่ไปกับการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ โดยจะเน้นในผู้ที่มีปัญหาจากการกดเส้นประสาท เช่น โรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทบริเวณคอหรือหลัง โรคข้อกระดูกสันหลังเสื่อม ที่มีอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อร่วมด้วย รวมถึงในผู้ที่มีอาการหดเกร็งกล้ามเนื้อมาก การใช้ Traction therapy ก็สามารถช่วยในการคลายกล้ามเนื้อ ก่อนที่จะทำการรักษาด้วยเครื่องมืออื่น ๆ ต่อไป

รีวิวจากคนไข้จริง

ทำความรู้จักหมอนุ่ม

หมอนุ่ม (พญ. ศุภมาศ วิบูรณ์สุขสันต์) เป็นหมอด้านโรคระบบประสาทและสมอง เน้นการรักษาด้วยการใช้ยา และปรับพฤติกรรมเป็นหลัก โรคที่รักษาจะมีตั้งแต่ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หน้ามืด ตามัว อาการชา อ่อนแรง อัมพฤกษ์ อัมพาต พาร์กินสัน โรคลมชัก และ สมองเสื่อม

 

"หมอเป็นแพทย์มา 13 ปี และดูแลคนไข้โรคสมองมา 7 ปี จะเห็นว่าคนที่มาพบแพทย์ด้วยอาการปวดศีรษะเยอะมากๆ ค่ะ และคนไข้ส่วนใหญ่มักยังมีความเข้าใจผิด เช่นมีความกังวล กลัวว่าจะเป็นโรคที่ร้ายแรง เช่นเนื้องอกในสมอง หรือบางท่านก็คิดว่า อาการปวดหัว นอนไม่หลับ เป็นโรคที่รักษาไม่หาย ต้องกินยาไปเรื่อยๆ ซึ่งจริงๆแล้ว สาเหตุของอาการปวดหัวมีเยอะมาก และมีทั้งที่รักษาและป้องกันให้หายขาดได้ ซึ่งบางคนทนมาหลายปี ทั้งที่จริง ๆ แล้วรักษาให้หายขาดได้ค่ะ ยิ่งในสภาวะปัจจุบัน ที่ความเครียดพุ่งสูงปรี๊ด คนที่มีปัญหาปวดหัว นอนไม่หลับ ยิ่งเยอะมากขึ้นอีก หมอจึงอยากให้ H8 clinic เป็นที่ที่ให้คำปรึกษา และรักษาคนไข้ได้อย่างตรงจุด เพื่อให้คนไข้ได้กลับมาใช้ชิวิตอย่างมีความสุขค่ะ"

อาจารย์แพทย์ผู้ฝึกสอน PMS